ไทย
ไทย
English
ไทย
ไทย
English
ล็อกอิน/สมัครสมาชิก
No products in the cart.
0
THB, ฿
FOX v.1.4.1.5
logo
MENU
MENU
เกี่ยวกับเรา
สินค้า
หมอนหนุน
หมอนจัดท่านอน
ท็อปเปอร์
ที่นอน
หมอนหนุน
หมอนจัดท่านอน
ท็อปเปอร์
ที่นอน
โปรแกรมช่วยเลือกหมอน-ที่นอน
ร้านค้าออนไลน์
Mr.big Wellness
เรื่องราวสุขภาพ
หน้าร้าน
Facebook
Intragram
Twitter
เกี่ยวกับเรา
สินค้า
โปรแกรมช่วยเลือกหมอน-ที่นอน
ร้านค้าออนไลน์
Mr.big Wellness
เรื่องราวสุขภาพ
หน้าร้าน
Facebook
Intragram
Twitter
Menu
เกี่ยวกับเรา
สินค้า
โปรแกรมช่วยเลือกหมอน-ที่นอน
ร้านค้าออนไลน์
Mr.big Wellness
เรื่องราวสุขภาพ
หน้าร้าน
Facebook
Intragram
Twitter
logo
No products in the cart.
0
หน้าแรก
/ เรื่องราวสุขภาพ
/ ฝัน (Dream)
ฝัน (Dream)
มีนาคม 2, 2023
Dream
,
การนอน
,
ความฝัน
,
ความรู้สึก
,
พักผ่อน
,
ระบบประสาท
Share this :
Instagram
ฝัน (Dream)
ฝั
น
(Dream)
คือการเเสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึกเเละเเรงปรารถนาบางอย่างที่ถูกกดทับเเละเก็บซ่อนไว้ในจิตใจลึกๆของมนุษย์ผ่านการทำงานของสมองในขณะที่หลับอยู่
ซิกมันด์
ฟรอยด์
นายเเพทย์ด้านประสาทวิทยาชาวออสเตรีย
ผู้เป็นบิดาเเห่งจิตวิเคราะห์ ได้ศึกษาการทำงานของระบบประสาทเเละความคิดของมนุษย์เพื่อประโยชน์ทางด้านการเเพทย์เเละด้านอื่นๆ ฟรอยด์มองว่า
“
ความฝัน
คือ
การเเสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึกเเละเเรงปรารถนาบางอย่างที่ถูกกดทับเเละเก็บซ่อนเอาไว้ข้างในจิตใจลึกๆของมนุษย์
”
ในขณะที่ร่างกายเรากำลังนอนหลับพักผ่อนแต่สมองไม่ได้พักตัวเองด้วย สมองยังคงทำหน้าที่ดูเเลระบบสารเคมีต่างๆ
เซลล์ประสาทยังคงทำงานเเม้เราจะหลับไปเเล้วก็ตาม
สมองส่วนในรักษาข้อมูลความจำเเละส่งข้อมูลในรูปแบบคลื่นสมองไปยังสมองใหญ่ ดังนั้นจะกล่าวว่าขณะที่เราหลับจะมีการฝันตลอดเวลาก็ได้เนื่องจากสมองยังคงมีการทำงาน
อยู่ตลอดเวลาเเต่เราจะจำอะไรได้บ้างหรือไม่เพียงเท่านั้น
ใน
1
คืนวงจรการนอนหลับของเราจะทำงาน
4-5 รอบเราจะฝันตลอดเวลาที่นอนหลับแต่ช่วงที่ชัดเจนที่สุดมักจะเกิดในช่วง REM (Rapid Eye Movement)
ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ตาเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว แม้ในช่วงนี้ร่างกาจะเป็นอัมพาตไปชั่วขณะแต่สมองจะตื่นตัวมากที่สุด ข้อมูลต่างๆจะถูกนำมาผสมกับอารมณ์เเละเเสดงออกมาเป็นความฝัน
การฝันจะใช้เวลาตั้งเเต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึง 20 นาทีเเละคนเรามักจะจำความฝันได้มากกว่าหากฝันในระยะ
REM
โดยเฉลี่ยในระหว่างการนอนหลับ
8
ชั่วโมงเราจะใช้เวลากับการฝัน
2
ชั่วโมง
จากการทดสอบของสถาบันการเเพทย์
Max Planck
ในเมืองไฮเดลเบิร์ก
ประเทศเยอรมนีที่ได้ทำการทดลองกับหนูที่ถูกวางยาสลบ
พบว่าสมองส่วนนีโอคอร์เท็กซ์
(Neocortex)
สามารถทำงานได้ดีในขณะที่นอนหลับซึ่งจะส่งกระเเสประสาทไปกระตุ้นสมองส่วนฮิปโปเเคมปัส
(Hippocampus)
ให้ประมวลผลเเละเก็บข้อมูลใน
ระยะสั้น สมองส่วนนีโอคอร์เท็กซ์นี้จะเป็นตัวตัดสินใจว่าข้อมูลความทรงจำชุดใดจะถูกส่งกลับไปจัดเก็บเป็นข้อมูลระยะยาวเเละความทรงจำใดควรจะถูกลบเเละลืมในที่สุด ซึ่งภาพความฝันที่เราเห็นขณะหลับจึงเกิดจากความ
ทรงจำบางชุดถูกสุ่มเเละตรวจจับได้เป็นพิเศษขณะที่ถูกส่งผ่าน โดยจะถูกผสมผสานเเละปรุงเเต่งเรื่องราวตามประสบการณ์ที่เเต่ละคนนึกคิดเเละพบเจอ ซึ่งนักจิตวิทยาสมัยใหม่ได้ศึกษากระบวนการเกิดความฝันของคนโดยระบุถึงสาเหตุที่ทำให้คนเราฝัน คือ
ความฝันที่มาจากความเจ็บปวด
ฝันจากเรื่องที่ค้างคาใจเเละฝันที่มาจากประสบการณ์ในอดีต
ความฝันที่จำได้ส่วนใหญ่ประมาณ
80-90%
จะเกิดในช่วงการนอนหลับเเบบตากระตุกความฝันที่เกิดขึ้นในช่วงเเรกๆของการหลับมักจะถูกลืม ส่วนที่จำได้นั้นจะเป็นความฝันที่เกิดขึ้นเมื่อใกล้ตื่นหรือฝันจนตื่น ส่วนใหญ่ความฝันจะอยู่ในรูปของการเห็นรองลงมาจะอยุ่ในรูปของการได้ยิน การสัมผัสเเละความเจ็บปวด
ความฝันเป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งของเซลล์สมองเเละระบบประสาท
บ่อยครั้งที่ความฝันกินเวลานานเเละยิ่งถ้าความฝันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่หวาดเสียวเเละลุ้นระทึกมากๆ
ก็จะส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยล้าเหมือนไม่ได้พักผ่อนเนื่องจากสมองยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากใกล้ถึงช่วงเวลาที่จะพักผ่อนควรทำสมองเเละจิตใจ
ให้ว่างโดยการฟังเพลงเบาๆก่อนนอนก็อาจทำให้นอนหลับได้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น
Share this :
Instagram